Mechanical Hybrid VS Electronics Hybrid ในรถยนต์ตอนที่ 1

F1 hybrids pre-empt road car

ระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่จะทำให้การแข่ง F1 ในปีหน้าน่าตื่นเต้นขึ้น และในไม่ช้ามันจะกลายเป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งในรถยนต์ทั่วไป

รถของเล่นสมัยก่อน เมื่อถอดฝาครอบออกจะพบกับ flywheel
รถของเล่นสมัยก่อน เมื่อถอดฝาครอบออกจะพบกับ flywheel

คุณผู้อ่านอาจจะเคยเล่นรถของเล่นตอนเด็กๆ ที่วิ่งได้ด้วยพลังงานศักดิ์สะสมไว้ที่ฟรายวิล เราต้องไถๆรถกับพื้นจนแผ่นเหล็กกลมๆแบนกลางตัวรถหมุนติ้วๆ และเมื่อวางกับพื้นรถก็จะวิ่งไปด้วยความเร็วสม่ำเสมอเป็นเวลานานกว่าเราผลักรถไปด้วยมือของตัวเอง (ผมเป็นพวกชอบเล่นแล้วทำลายของ เลยเห็นใส้ในของรถของเล่นพวกนี้ดีครับ) ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านมาอีกยี่สิบกว่าปีมันจะถูกดัดแปลงมาใช้กับรถ F1 ซึ่งเรียกว่าระบบ Flybrid

แต่ก่อนอื่น เราต้องมาดูกลไกที่ทำให้รถธรรมดากินน้ำมันมากกันก่อนครับ

1.สาเหตที่รถกินน้ำมันเป็นอันดับหนึ่งนั้นเกิดจากลักษณะเครื่องยนต์ที่ต้องทำให้รองรับรอบเครื่องที่แปรเปลี่ยนได้ตามความต้องการผู้ขับ คนที่เคยเรียนวิศวะเครื่องกลมาจะรู้ว่าถ้าเราทำเครื่องยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็วรอบสม่ำเสมอจะประหยัดน้ำมันกว่าหลายต่อหลายเท่า เช่นเครื่องยนต์ของเครื่องสูบน้ำ เครื่องปั่นไฟ ขนาดไม่ได้พัฒนามาเป็นสิบปีแล้วก็ยังประหยัดนำมันกว่าเครื่องยนต์รถยนต์รุ่นใหม่อยู่ดีถ้าหารเทียบแรงม้ากัน ดังนั้นจึงมีแนวคิดของรถยนต์ Chevrolet Volt ซึ่งเครื่องยนต์นั้นจะทำงานด้วยรอบเครื่องคงที่เพื่อปั่นไฟ และรถยนต์นั้นขับเคลือนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ไม่พ่วงกับเครื่องยนต์ครับ สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัด การขับขี่ด้วยรอบเครื่องคงที่ที่ต่ำที่สุดบนเกียร์สูงสุด (เช่น 1800 รอบบนเกียร์ 5 ) ก็จะให้ผลการประหยัดน้ำมันสูงที่สุด

2.สาเหตที่รถยนต์กินน้ำมันเป็นอันดับสองเกิดจาก อุปนิสัยของผู้ขับขี่เอง โดยเฉพาะผู้ขับขี่ที่เหยียบเบรคบ่อยจะมีผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมันมากที่สุดครับ เพราะการเบรคคือการที่รถสูญเสียพลังงานจลล์ไปเป็นความร้อนโดยใช่เหตุ สำหรับผู้ที่เถียงว่า แล้วคนที่ขับรถเร็วๆ เร่งแรงๆล่ะไม่เกี่ยวข้องหรือ ผมสามารถตอบได้ว่า เกี่ยวแต่เป็นอัตราที่น้อยกว่าการเหยียบเบรคหลายเท่า การเร่งแรงๆจะกินน้ำมันช่วงสั้นและถ้าเราไม่เบรครถจะมีความเร็วที่สูงจนได้ระยะทางที่คุ้มกับน้ำมันที่เสียไป ส่วนการขับรถเร็วๆนั้น การกินน้ำมันจะเกิดจากแรงต้านจากลมเป็นส่วนใหญ่ ถ้าขับไม่เกิน 180 อัตราการิกนน้ำมันก็ยังเทียบไม่ได้กับการขับๆเบรคๆเลยครับ สำหรับเทคโนโลยีที่มาแก้ไขเรื่องนี้ก็คือ mind Hybrids หรือรถยนต์ Hybrids จากญี่ปุ่นทุกค่ายนั่นเอง เช่น Toyota Prius หรือ Honda Insight จะมีการเปลี่ยน motor ไฟฟ้าเป็น Dynamo ขณะเบรคและปั่นไฟชาร์ทเข้าแบ็ตเตอรี่ใหม่ และขณะเร่งเครื่องหรือออกตัวจะเป้นหน้าที่ของ motor ไฟฟ้าที่มาทำงานลดภาระของเครื่องยนต์ แค่นี้ก็ประหยัดไฟไปได้มากมายแล้วครับ นอกจากนี้ Honda Insight ใหม่ยังมีแนวคิดเหนือชั้นด้วยการสร้าง Environment ให้ผู้ขับขี่ขับอย่างประหยัด และยังสร้างสังคมออนไน์ให้ผู้ขับขี่ขับรถอย่างประหยัดอีกด้วย โดย เมื่อผู้ขับขี่รถขับอย่างประหยัด ไฟที่หน้าปัดและคอนโซลจะแสดงสีที่แสดงถึงความประหยัดในโทนเย็นออกมา แต่เมื่อไหร่ที่ผู้ขับขี่ขับอย่างไม่ประหยัด คอนโซลจะเปลี่ยนสีเป็นโทนร้อนทันทีเหมือนกับว่าผู้ขับกำลังถูกประณามว่า”คุณไม่รักโลกหรือ ?”เลยทีเดียว และสำหรับผู้ขับที่มั่นใจในความประหยัด สามารถนำรถของตัวเองต่อผ่าน USB เข้าไปในโลก Cyber เพื่อแข่งกับผู้ขับฮอนด้า Insight คนอื่นทั่วโลกว่าใครขับได้ประหยัดที่สุดอีกด้วย

Dashboard ของ Honda insight เปลี่ยนสีได้ตามลักษณะการขับขี่
Dashboard ของ Honda insight เปลี่ยนสีได้ตามลักษณะการขับขี่

และเทคโนโลยีจากรถเด็กเล่นที่มีการสะสมพลังงานไว้ที่ flywheel กำลังจะมาแข่งขันกับระบบ Hybrids ไฟฟ้าอีกด้วยสำหรับการแก้ปัญหาความสิ้นเปลืองเชื้อเพลงในข้อสองนี้ ติดตามต่อตอนที่สองครับ

Mechanical Hybrid VS Electronics Hybrid ในรถยนต์ตอนที่ 2

โดย พัชร